Cutting Weight for BJJ Competition

ลดน้ำหนักสำหรับการแข่งขัน BJJ

May 7^th 2016, Copa De Bangkok, a BJJ competition here in BKK. Honestly this is my only 2^nd tournament since I started BJJ for 1 year and 4 month. I know I should be doing more tournaments… Anyways, this time the weight class I applied for was -53.5… of course with Gi on. What does this mean… it means my weight need to be at… at least 51.5kg, plus the Gi, which is around 1.8-2kg…  OMG… this was going to be tough… I knew it since the day I registered.

วันที่ 07/05/2016 มีการแข่งขัน BJJ ที่กรุงเทพ สำหรับ Aki เป็นการแข่งขันครั้งที่ 2 ตั้งแต่เริ่มเล่นมา 1 ปี 4 เดือน ความจริงก็ควรจะแข่งเยอะกว่านี้นะ แต่นั้นแหละ… ครั้งนี้เลือกแข็งในคลาสน้ำหนัก -53.5kg  แน่นอนน้ำหนักที่รวม GI ด้วย นั่นหมายความว่า…น้ำหนักของตัวเราเปล่า ๆ  ควรจะอยู่ที่ประมาณ 51.5kg แค่ GI เองก็ปาไป 2kg แล้ว!!! ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย… รู้ตัวดี ตั้งแต่วันที่สมัครแล้วล่ะ

At the moment when I applied, I was at 53-54 kg (depending on how much I eat… lol…). I really need to lose at least 2 kg. People say I should have just applied for the next weight class, which was -58.5kg. But hear my logic. Doing martial arts have already put me in an excusable situation to eat as much as I want and build muscles and be strong. Trust me, I eat more than most girls do. If I let myself go for -58.5kg… I felt like I was going soft on myself. So I decided I’m going to discipline myself… -53.5kg it is!

ตอนที่สมัครน้ำหนักอยู่ประมาณ 53-54kg (แล้วแต่กินเยอะกินน้อย.. มีขึ้นมีลงบ้าง) หมายความว่าต้องลดให้ได้อย่างน้อย 2kg มีคนหลายคนบอกว่าทำไมไม่แข่งในคลาสถัดไป -58.5kg ไปเลยล่ะ… แต่ฟัง Aki คิดหน่อย… การที่เราเล่นศิลปะะป้องกันตัว ออกกำลังกาย เยอะแบบนี้ ทำให้เราเปนคนกินเยอะกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว เพราะต้องสร้างกล้ามเนื้อต้องแข็งแรง เชื่อ Aki สิ… กินเยอะกว่าผู้หญิงทั่วไปแน่นอน! นั่นหมายความว่าถ้า Aki ปล่อยตัวเอง ให้ไปแข่งคลาส -58.5kg … Aki รู้สึกว่าเหมือนเป็นการปล่อยผี… เลยตัดสินใจที่จ๊ะควบคุม แล้วมีวินัยกับตัวเองเลยเลือกที่จะแข่งคลาส -53.5kg ค่ะ

My workout schedule didn’t change much. 3 days of BJJ and 2 days of gym per week. But what I really needed to change was my food.

ตารางการออกกำลังกายนั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เล่น BJJ 3 วัน ไปฟิตเนส 2 วันต่ออาทิตย์ แต่สิ่งที่ Aki ต้องเปลี่ยนคือวินัยการกิน

1. Decrease the amount of cheat meals. I use to have like 2 days… or 4 meals of cheat meals… but that’s gone. Decreased to like 1-2 meals per week.

ต้องหลดมื้อที่มือขี้โกง (cheat meal) ปกติจะมีมือที่กินตามใจปากอยู่ประมาณ 2 วันต่ออาทิตย์ ก็ประมาณ 4 มื้อนั่นเอง แต่ตอนนี้ต้องตัดออก ลดให้เหลือ 1-2 มื้อต่ออาทิตย์ เท่านั้น

2. Protein and Vegetable was the main menu. Fish, Pork, Beef, Chicken… you name it. I did eat rice for 1 meal on a BJJ day, but only brown rice.

โปรตีนและผักเป็นหลัก โปรตีนจากปลา หมู เนื้อวัว ไก่ คาร์โบไฮเดรตเช่นข้าวก็ต้องมี ในวันที่เล่น BJJ อย่างน้อย 1 มือ แต่เลือกเป็นข้าวกล้องนะ

3. Drank more water. Flushed out toxins and made sure my body was hydrated, this also helped my body’s metabolism.

ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ ชะล้างของเสียออกจากระบบ การที่ทานน้ำเยอะ ๆ  จะทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายเราดีขึ้นด้วย

4. Don’t even mention snacks… I haven’t had potato chips for like years… So that’s not a problem. But I had to cut down on my dessert… This hurt most… I did have frozen yoghurt tho…

อย่าแม้แต่พูดถึงขนมเลย… ไม่ได้กินมันทอดมาเปนปีแล้ะ เรื่องขนมคงไม่ต้องห่วง แต่เรื่องของหวาน… มันทรมานใจมาก ถ้าอยากมากก็กิน frozen yoghurt แทน

Yes! And my weight went down! And I wasn’t that tired too. Except for the cravings that flashed into my mind every now and then.

Made it to the weigh in! Pass!!!!

Right after the matches were done? Pizza time!!!!

และเมื่อวันแข่งขัน… น้ำหนักก็ผ่าน!!! และด้วยความที่เรากินอาหารทุกมื้อเป็นปกติ ไม่เหนื่อยอ่อนแรงด้วย

แต่พอแข่งเสร็จเท่านั้น พิซซ่าเข้าปากเลย!

Conclusion. If you understand how your body works, losing weight is not a hard thing. Exercise and Food choice is everything. It’s all about disciplining yourself.

สรุปก็คือถ้าเราเข้าใจระบบของร่างกายเรา การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องยาก การออกกำลังกายสม่ำเสมอและเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น มันคือการมีวินัยต่อตัวเองค่ะ